เรียนจบปริญญาด้านศิลปะการประกอบอาหาร (Culinary Arts Degree) สามารถต่อยอดทำอะไรได้บ้าง ? เปิดเส้นทางอาชีพและโอกาสมากมายที่รอคุณอยู่


เรียนจบปริญญาด้านศิลปะการประกอบอาหาร (Culinary Arts Degree) สามารถต่อยอดทำอะไรได้บ้าง ? เปิดเส้นทางอาชีพและโอกาสมากมายที่รอคุณอยู่

หลายคนอาจสงสัยว่าการเรียนจบปริญญาด้านศิลปะการประกอบอาหาร (Culinary Arts Degree) ต่างจากการเป็นคนทำอาหารเก่งยังไง ? ความจริงแล้ว วุฒิการศึกษาด้านการทำอาหารไม่ได้ให้แค่ทักษะการทำอาหารแบบมืออาชีพเท่านั้น แต่ยังเปิดประตูสู่เส้นทางอาชีพมากมายทั้งในและนอกห้องครัว พร้อมโอกาสเติบโตในระดับสากล การเรียนรู้ในหลักสูตรที่เข้มข้นและได้มาตรฐานจะช่วยเสริมสร้างความรู้ ความมั่นใจ และวิสัยทัศน์ในระดับผู้นำ ซึ่งเป็นสิ่งที่ประสบการณ์ส่วนตัวเพียงอย่างเดียวไม่อาจพบเจอได้

ปริญญาด้านศิลปะการประกอบอาหารคืออะไร ?

ปริญญาด้านศิลปะการประกอบอาหาร คือวุฒิการศึกษาที่รับรองความรู้และทักษะของผู้ที่ศึกษาในด้านศิลปะการทำอาหาร หลักสูตรเหล่านี้ครอบคลุมตั้งแต่การเตรียมวัตถุดิบ การปรุงอาหาร การจัดจาน ไปจนถึงการบริการ บางหลักสูตรเน้นพื้นฐานแบบเข้มข้นสำหรับผู้เริ่มต้น ในขณะที่บางหลักสูตรเน้นทักษะระดับสูง เช่น ศิลปะการอบขนม การทำขนมหวาน หรือการประกอบอาหารแบบมืออาชีพ

ปริญญาด้านศิลปะการประกอบอาหาร (Culinary Arts Degree)
  • หนึ่งในสถาบันภายใต้เครือ Swiss Education Group อย่าง Culinary Arts Academy Switzerland เปิดสอนหลักสูตรการทำอาหารที่หลากหลาย เพื่อตอบโจทย์ความสนใจที่แตกต่างกันในสายอาชีพเกี่ยวกับการทำอาหาร เช่น 
  • หลักสูตรปริญญาตรีศิลปศาสตร์ สาขาศิลปะการประกอบอาหาร (Bachelor of Arts in Culinary Arts) เป็นหลักสูตรที่เน้นทั้งศิลปะการทำอาหารและศิลปะการทำขนมและช็อกโกแลต โดยผสมผสานเทคนิคด้านอาหารเข้ากับทักษะการเป็นผู้ประกอบการ
  • หลักสูตรปริญญาโท สาขาการจัดการธุรกิจด้านศิลปะการประกอบอาหาร (Master of Arts in Culinary Business Management) เป็นหลักสูตรที่เน้นการบริหารจัดการธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม ฝึกทักษะการจัดการ และทักษะด้านบุคลิกภาพที่จำเป็นต่อความสำเร็จในอุตสาหกรรม
  • หลักสูตรประกาศนียบัตร 1 ปี : หลักสูตรเข้มข้นที่เน้นการลงมือปฏิบัติจริง เปิดให้เรียน 2 หลักสูตรตามความสนใจ ได้แก่ หลักสูตร Culinary Arts เพื่อฝึกฝนทักษะการทำอาหารอย่างมืออาชีพ โดยครอบคลุมตั้งแต่ทักษะพื้นฐานในครัว เทคนิคการปรุงอาหารขั้นสูง ไปจนถึงการทำอาหารแบบ Modern Gastronomy และหลักสูตร Pastry Arts เพื่อฝึกฝนทักษะการทำขนมอบ ขนมหวาน รวมถึงการสร้างสรรค์ช็อกโกแลตอย่างประณีต 
  • หลักสูตรเหล่านี้เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเพิ่มความเชี่ยวชาญอย่างรวดเร็วในสายอาชีพด้านอาหาร โดยไม่ต้องใช้เวลาหรือค่าใช้จ่ายเท่ากับการเรียนในหลักสูตรปริญญาตรี 3 ปี

เส้นทางอาชีพในสายงานเกี่ยวกับอาหารมีอะไรบ้าง ?

สายอาชีพสำหรับผู้ที่จบปริญญาด้านการทำอาหารไม่ได้จำกัดอยู่แค่การทำอาหารในครัวเท่านั้น แต่ยังเปิดกว้างสู่เส้นทางที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นสายปฏิบัติที่เน้นการลงมือ งานสายบริหาร หรือแม้แต่การเป็นเจ้าของธุรกิจ

เส้นทางอาชีพในสายงานอาหารของผู้จบ ปริญญาด้านศิลปะการประกอบอาหาร (Culinary Arts Degree) มีอะไรบ้าง

เชฟมืออาชีพ

เชฟคือผู้นำในครัวที่มีหน้าที่ควบคุมภาพรวมทั้งหมด ตั้งแต่การคิดค้นเมนู การดูแลกระบวนการทำอาหาร การรักษามาตรฐานและคุณภาพของอาหาร ไปจนถึงการบริหารจัดการทีมครัวให้ทำงานร่วมกันอย่างราบรื่น สำหรับผู้ที่ใฝ่ฝันอยากเป็นเชฟมืออาชีพ ปริญญาด้านศิลปะการประกอบอาหารเปรียบเสมือนรากฐานอันแข็งแกร่งที่จะทำให้คุณมีความเชี่ยวชาญครอบคลุมในทุกด้านที่จำเป็น ตั้งแต่เทคนิคการปรุงอาหาร การพัฒนารสชาติ และการบริหารครัวอย่างเป็นระบบ พร้อมสำหรับการทำงานในหลากหลายตำแหน่ง เช่น 

  • หัวหน้าเชฟ (Executive Chef) : หัวหน้าเชฟคือผู้ควบคุมดูแลในทุกแง่มุมของงานครัว ตั้งแต่การวางแผนเมนู การควบคุมคุณภาพอาหาร ไปจนถึงการบริหารทีมงาน หัวใจสำคัญของตำแหน่งหัวหน้าเชฟคือความเป็นผู้นำและความเข้าใจในระบบงานครัวอย่างลึกซึ้ง 
  • ผู้ช่วยเชฟ (Sous Chef) : ผู้ช่วยเชฟเปรียบเสมือนมือขวาของหัวหน้าเชฟ มีบทบาทสำคัญในการช่วยดูแลการดำเนินงานภายในครัว และพร้อมที่จะเป็นผู้นำทีมหากหัวหน้าเชฟไม่อยู่ 
  • เชฟขนมหวาน (Pastry Chef) : เชฟขนมหวานคือผู้เชี่ยวชาญด้านของหวานและขนมอบ มีหน้าที่สร้างสรรค์เมนูของหวาน ทดลองรสชาติและเนื้อสัมผัสใหม่ ๆ รวมถึงควบคุมคุณภาพของขนมทั้งหมด 
  • เชฟส่วนตัว (Private Chef) : เชฟที่รังสรรค์เมนูอาหารตามรสนิยมและความต้องการเฉพาะบุคคล ส่วนใหญ่มักทำงานในบ้านของลูกค้าหรืออีเวนต์พิเศษ

ผู้จัดการร้านอาหารหรือธุรกิจบริการอาหาร

นอกจากงานในครัวแล้ว ผู้เชี่ยวชาญด้านการทำอาหารยังสามารถก้าวสู่บทบาทสำคัญในการบริหารธุรกิจที่ให้บริการด้านอาหารได้เช่นกัน 

CAAS Alumni Quote - Hannah Corado
  • ผู้จัดการร้านอาหาร (Restaurant Manager) : ผู้จัดการร้านอาหารมีหน้าที่ดูแลภาพรวมทั้งหมดของการดำเนินงาน ไม่ว่าจะเป็นการบริหารทีมงาน การบริการลูกค้า ไปจนถึงการควบคุมผลการดำเนินงานทางการเงิน เรียกได้ว่าเป็น “หัวหน้าเชฟ” ในด้านธุรกิจ ซึ่งต้องดูแลให้ทุกอย่างดำเนินไปอย่างราบรื่นและสร้างผลกำไร
  • ผู้จัดการแผนกจัดเลี้ยง (Catering Manager) : ผู้จัดการแผนกจัดเลี้ยงมีหน้าที่รับผิดชอบการให้บริการอาหารในงานอิเวนต์ต่าง ๆ โดยดูแลตั้งแต่การวางแผนเมนู การบริหารทีมงาน ไปจนถึงการสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้า งานนี้ต้องอาศัยความสามารถในการสื่อสารที่ดีเยี่ยมและทักษะการบริหารจัดการอย่างมืออาชีพ
  • ผู้อำนวยการฝ่ายอาหารและเครื่องดื่ม (Food and Beverage Director) : ตำแหน่งนี้มีหน้าที่ดูแลการดำเนินงานด้านอาหารและเครื่องดื่มในสถานประกอบการขนาดใหญ่ เช่น โรงแรมหรือรีสอร์ต โดยเน้นการควบคุมคุณภาพอาหารและการบริการ การจัดทำงบประมาณ และการวางแผนกลยุทธ์

ผู้ประกอบการและเจ้าของธุรกิจ

ผู้เชี่ยวชาญด้านการทำอาหารจำนวนไม่น้อยมีเป้าหมายสูงสุดคือการได้สร้างธุรกิจของตนเอง ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหาร ร้านขนม หรือธุรกิจจัดเลี้ยง การเดินบนเส้นทางนี้ต้องใช้ทั้งฝีมือด้านการทำอาหารและกลยุทธ์ทางธุรกิจควบคู่กัน ซึ่งปริญญาด้านศิลปะการประกอบอาหารคือบันไดขั้นแรกที่จะวางรากฐานความรู้ที่จำเป็นสำหรับการดำเนินธุรกิจให้ประสบความสำเร็จ หลักสูตรการเรียนการสอนที่ครอบคลุมจะช่วยให้คุณมีทักษะและความเชี่ยวชาญรอบด้าน ไม่ว่าจะเป็นการคิดค้นเมนู การควบคุมต้นทุน การวางแผนการตลาด ตลอดจนการบริหารการดำเนินงานให้ทุกอย่างเป็นไปอย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพ 

เส้นทางอาชีพอื่น ๆ สำหรับผู้ที่เรียนจบด้านการทำอาหาร

แม้ว่าสายงานในครัวจะเป็นเส้นทางที่มั่นคงและมีโอกาสในการเติบโตในสายอาชีพ แต่ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและกระแสความนิยมในวงการอาหารก็ทำให้เกิดอาชีพใหม่ ๆ ที่ท้าทายและน่าสนใจมากขึ้นเช่นกัน ผู้ที่เรียนจบด้านการทำอาหารจึงมีโอกาสนำความรู้และทักษะไปต่อยอดในเส้นทางที่หลากหลาย ไม่จำกัดอยู่แค่ในครัว

เส้นทางอาชีพอื่น ๆ สำหรับผู้ที่เรียนจบปริญญาด้านศิลปะการประกอบอาหาร (Culinary Arts Degree)

สื่อและการศึกษาด้านอาหาร

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา อุตสาหกรรมอาหารได้ขยายออกไปสู่วงการสื่อและการศึกษาอย่างกว้างขวาง เปิดโอกาสให้ผู้เชี่ยวชาญด้านอาหารได้ถ่ายทอดความรู้และสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้คนผ่านบทบาทที่หลากหลาย เช่น :

  • ครูสอนทำอาหาร : ครูสอนทำอาหารมีหน้าที่ถ่ายทอดทักษะและความรู้ด้านการทำอาหาร โดยต้องวางแผนบทเรียน สาธิตวิธีการทำอาหาร รวมถึงให้คำแนะนำแก่ผู้ที่สนใจอยากเป็นเชฟ การสอนทำอาหารนั้นสามารถทำได้ในหลากหลายรูปแบบและสถานที่ ไม่ว่าจะเป็นโรงเรียนสอนทำอาหาร ศูนย์กิจกรรมชุมชน หรือแม้แต่ช่องทางออนไลน์ 
  • บล็อกเกอร์ หรืออินฟลูเอนเซอร์ด้านอาหาร : ผู้สร้างสรรค์คอนเทนต์เกี่ยวกับสูตรอาหาร เทคนิคการทำอาหาร รวมถึงรีวิวร้านอาหารหรือผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ บนแพลตฟอร์มออนไลน์ เช่น บล็อก, YouTube, และช่องทางโซเชียลมีเดีย ซึ่งสามารถเข้าถึงผู้ชมจำนวนมาก ส่งผลให้ผู้เชี่ยวชาญเหล่านี้มีบทบาทสำคัญในการกำหนดเทรนด์อาหารและมีอิทธิพลต่อพฤติกรรมการบริโภคของผู้คน
  • นักเขียนตำราอาหาร : นักเขียนตำราอาหารคือผู้พัฒนาสูตรอาหารและเรียบเรียงออกมาเป็นหนังสือ โดยเน้นอาหารเฉพาะประเภท อาหารที่ตอบโจทย์ด้านโภชนาการ หรือเทคนิคการทำอาหารต่าง ๆ การมีพื้นฐานจากการเรียนทำอาหารจะช่วยให้นักเขียนมีทักษะและความสามารถในการสร้างสรรค์สูตรอาหารที่แปลกใหม่ เชื่อถือได้ และน่าทดลองทำตาม

วิทยาศาสตร์การอาหารและการวิจัย

นอกเหนือจากโลกของการปรุงอาหารที่เราเห็นอยู่เป็นประจำ ยังมีผู้เชี่ยวชาญอีกจำนวนมากที่ทำงานอยู่เบื้องหลังเพื่อพัฒนาคุณภาพ ความปลอดภัย และคุณค่าทางโภชนาการอาหาร โดยบทบาทที่น่าสนใจมีดังนี้ :

  • นักวิทยาศาสตร์หรือนักเทคโนโลยีทางอาหาร (Food Scientist/Technologist) : นักวิทยาศาสตร์การอาหารมีหน้าที่วิเคราะห์คุณสมบัติทางกายภาพ เคมี และจุลชีววิทยาของอาหาร เพื่อเพิ่มความปลอดภัย คุณภาพ และคุณค่าทางโภชนาการ ผู้เชี่ยวชาญเหล่านี้ทำงานวิจัยเพื่อคิดค้นผลิตภัณฑ์อาหารใหม่ ๆ ปรับปรุงกระบวนการผลิต และตรวจสอบอาหารให้เป็นไปตามมาตรฐานที่กำหนด การมีปริญญาด้านศิลปะการประกอบอาหารควบคู่ไปกับการศึกษาด้านวิทยาศาสตร์จะช่วยเชื่อมโยงความรู้ความเข้าใจระหว่างศิลปะแห่งการปรุงอาหารกับวิทยาศาสตร์การอาหารเข้าด้วยกัน ทำให้คุณกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญที่มีองค์ความรู้ครบเครื่องทั้งศาสตร์และศิลป์  
  • นักวิจัยและพัฒนาอาหาร (R&D Chef) : หน้าที่ของนักวิจัยและพัฒนาอาหาร หรือที่เรียกว่า Culinary Scientist คือการผสานศิลปะแห่งการปรุงอาหารเข้ากับวิทยาศาสตร์การอาหารเพื่อคิดค้นเมนูใหม่หรือพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหารให้กับร้านอาหาร โรงงานผลิตอาหาร และธุรกิจอื่น ๆ ที่เกี่ยวกับอาหาร ความรู้ด้านการทำอาหารช่วยให้คุณมีความเข้าใจเรื่องรสชาติและเทคนิคการปรุงอาหาร ในขณะที่ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ช่วยให้สามารถพัฒนาสูตรที่ผลิตได้จริงในระดับอุตสาหกรรม 
  • ที่ปรึกษาด้านโภชนาการ (Nutrition Consultant) : ผู้เชี่ยวชาญเหล่านี้มีหน้าที่ให้คำแนะนำด้านโภชนาการแก่บุคคลหรือองค์กร ไม่ว่าจะเป็นการจัดตารางอาหารหรือแนะแนวทางการรับประทานอาหารเพื่อสุขภาพ ปริญญาด้านศิลปะการประกอบอาหารจะช่วยให้คุณสามารถออกแบบเมนูที่มีทั้งคุณค่าทางโภชนาการ หน้าตาที่น่ารับประทาน และรสชาติที่อร่อย 
Quote from CAAS Alumni and Chef of the Year at Cyprus Eating Award 2020 - Chris Theofanous

เปลี่ยนความหลงใหลในอาหารให้กลายเป็นอาชีพ

เส้นทางอาชีพในสายอาหารนั้นเปิดกว้างและหลากหลายมากขึ้นตามยุคสมัยที่เปลี่ยนไป ไม่ว่าคุณจะใฝ่ฝันอยากเป็นเชฟผู้เชี่ยวชาญ ผู้จัดการมืออาชีพ หรือนักสร้างสรรค์คอนเทนต์ที่ตามทันทุกเทรนด์ในวงการอาหาร การมีพื้นฐานความรู้ที่ดีคือกุญแจสำคัญที่จะทำให้คุณประสบความสำเร็จในทุกบทบาท

หากคุณหลงใหลในศิลปะการทำอาหาร และสนใจศึกษาต่อที่สถาบันสอนทำอาหารชั้นนำในสวิตเซอร์แลนด์ ติดต่อทีมงาน Swiss Education Group ในประเทศไทยได้เลยที่เบอร์โทรศัพท์ 02-652-1481 หรือ LINE @studyinswitzerland เพื่อพูดคุยกับเราโดยตรง

คำถามที่พบบ่อย

Q : หลักสูตรปริญญาด้านการทำอาหารใช้เวลาเรียนนานแค่ไหน ?

A : ระยะเวลาในการเรียนขึ้นอยู่กับหลักสูตร ที่สถาบัน Culinary Arts Academy Switzerland (CAAS) หลักสูตรปริญญาตรี (BA) ใช้เวลาประมาณ 3 ปี โดยนักศึกษาจะได้รับประกาศนียบัตรรับรองความรู้และทักษะเมื่อเรียนจบในแต่ละเทอม

Q : เรียนจบแล้วสามารถทำงานในต่างประเทศได้ไหม ?

A : แน่นอน! CAAS เปิดโอกาสให้นักศึกษาได้ฝึกงานในระดับนานาชาติ เพื่อเตรียมความพร้อมตั้งแต่เนิ่น ๆ สำหรับเส้นทางอาชีพในอุตสาหกรรมอาหารระดับโลก 

Our News & Blogs

วิธีคํานวณต้นทุนอาหาร ลดของเสีย เพิ่มกำไรให้ธุรกิจ

วิธีคํานวณต้นทุนอาหาร ลดของเสีย เพิ่มกำไรให้ธุรกิจ

ทักษะทางการเงิน ความรู้ที่มากกว่าการเรียนธุรกิจสำหรับคนรุ่นใหม่

ทักษะทางการเงิน ความรู้ที่มากกว่าการเรียนธุรกิจสำหรับคนรุ่นใหม่

ตำแหน่ง Concierge คืออะไร ? เจาะลึกหน้าที่ ทักษะ และเส้นทางอาชีพของผู้ช่วยคนสำคัญของธุรกิจ

ตำแหน่ง Concierge คืออะไร ? เจาะลึกหน้าที่ ทักษะ และเส้นทางอาชีพของผู้ช่วยคนสำคัญของธุรกิจ

ขั้นตอนและวิธีการระดมเงินลงทุนธุรกิจ Startup ที่ควรรู้

ขั้นตอนและวิธีการระดมเงินลงทุนธุรกิจ Startup ที่ควรรู้

Chat With Us

Chat

with us

Contact

us

Attend our

seminar