อยากเป็นเชฟ ต้องเรียนคณะอะไร ? เรียนหลักสูตรระยะสั้นได้หรือไม่ ? เส้นทางอาชีพเป็นอย่างไร ? 


อยากเป็นเชฟ ต้องเรียนคณะอะไร ? เรียนหลักสูตรระยะสั้นได้หรือไม่ ? เส้นทางอาชีพเป็นอย่างไร ? 

เชฟเป็นอาชีพที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการทำอาหาร บางคนก้าวไปไกลถึงระดับเชฟเซเลบริตี้ที่ปรากฏตัวบนหน้าจอโทรทัศน์ เขียนตำราอาหารจนขายดีติดอันดับ และสร้างอาณาจักรธุรกิจอาหารระดับโลก ด้วยอนาคตที่สดใสเช่นนี้ จึงไม่น่าแปลกใจที่หลายคนสงสัยว่าอยากเป็นเชฟ ต้องเรียนสายไหน ? ทำอย่างไรถึงจะสามารถเป็นเชฟมืออาชีพได้ ? การก้าวสู่อาชีพเชฟนั้นต้องอาศัยความมุ่งมั่น การฝึกฝนทักษะ และประสบการณ์จากการทำงานจริงอย่างต่อเนื่อง แม้ตลอดเส้นทางจะต้องเผชิญกับความท้าทายมากมาย แต่ความสำเร็จในอาชีพเชฟนั้นคุ้มค่าความพยายามแน่นอน

อยากเป็นเชฟต้องเริ่มจากอะไร ?

การเป็นเชฟไม่ได้อาศัยแค่ความรักในการทำอาหารเท่านั้น แต่ยังต้องอาศัยความมุ่งมั่น การฝึกฝน และการพัฒนาทักษะทั้งด้านศิลปะและเทคนิคการทำอาหารควบคู่กันไป สำหรับหลายคน การเรียนในหลักสูตรสอนทำอาหารคือจุดเริ่มต้นที่สำคัญที่จะนำพาคุณไปสู่ความสำเร็จในฐานะเชฟมืออาชีพ

  • เริ่มต้นเรียนการทำอาหารจากสถาบันสอนทำอาหารชั้นนำในระดับปริญญาตรีหรือหลักสูตรระยะสั้น
  • ฝึกฝนการทำอาหารอย่างต่อเนื่อง
  • สั่งสมประสบการณ์ในครัวเพื่อก้าวสู่การเป็นเชฟ
  • คว้าประกาศนียบัตรรับรองความเชี่ยวชาญด้านการทำอาหารอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง

อยากเป็นเชฟต้องเรียนคณะอะไร ?

การศึกษาต่อด้านการทำอาหารเป็นการเริ่มต้นที่ดีที่สุดเพื่อพัฒนาทักษะและสร้างความมั่นใจ ทำให้คุณพร้อมสำหรับเส้นทางอาชีพเชฟ ที่สถาบันสอนทำอาหาร Culinary Arts Academy Switzerland (CAAS) นักศึกษาจะได้เรียนรู้ทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติเพื่อให้พร้อมรับมือกับความท้าทายในงานครัวระดับมืออาชีพ

หลักสูตรปริญญาตรีสาขาศิลปะการทำอาหาร (BA in Culinary Arts) ไม่เพียงแต่สอนเทคนิคการทำอาหารที่หลากหลายเท่านั้น แต่ยังช่วยพัฒนาทักษะทางธุรกิจ ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญสำหรับเชฟมืออาชีพ เพราะนอกจากการทำอาหารแล้ว เชฟยังรับผิดชอบงานด้านธุรกิจอีกด้วย เช่น การบริหารต้นทุน การเป็นผู้นำทีม และการดำเนินธุรกิจให้ประสบความสำเร็จ สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นปัจจัยที่สำคัญไม่แพ้กับฝีมือการสร้างสรรค์เมนูอาหารอันยอดเยี่ยม

สำหรับผู้ที่มองหาหลักสูตรระยะสั้น สถาบัน CAAS ยังมีหลักสูตร Swiss Diploma in Culinary Arts ที่ใช้เวลาเรียนเพียง 1 ปี ถือเป็นอีกทางเลือกที่มอบการเรียนการสอนเข้มข้นและเน้นการปฏิบัติจริง ครอบคลุมทักษะพื้นฐานที่สำคัญของเชฟ 

เส้นทางสำหรับคน อยากเป็นเชฟ

อยากเป็นเชฟ ต้องฝึกฝนอย่างไรบ้าง ?

หลายคนที่อยากเป็นเชฟอาจเริ่มต้นด้วยการอ่านหนังสือหาความรู้เกี่ยวกับเทคนิคการทำอาหาร แต่กุญแจสำคัญที่จะทำให้เกิดความเชี่ยวชาญก็คือการฝึกฝนอย่างต่อเนื่อง และเข้าศึกษาต่อในสถาบันสอนทำอาหารชั้นนำที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางในระดับสากลเพื่อความก้าวหน้าในอาชีพ หลักสูตรปริญญาและประกาศนียบัตรด้านศิลปะการทำอาหารของ CAAS เน้นการฝึกภาคปฏิบัติที่เปิดโอกาสให้นักศึกษาได้พัฒนาทักษะจากการทำงานในครัวระดับมืออาชีพ นอกจากการศึกษาในสถาบันสอนทำอาหาร ผู้ที่สนใจในอาชีพเชฟยังสามารถฝึกฝนได้ด้วยตัวเองเช่นกัน โดยวิธีการฝึกฝนอาจแตกต่างกันไปตามความชื่นชอบ เช่น ลองทำสูตรอาหารใหม่ ๆ ที่บ้าน ทำอาหารให้ครอบครัวและเพื่อน ๆ รับประทาน ทดลองใช้วัตถุดิบหลากหลายชนิด รวมไปถึงการเข้าร่วมเวิร์กช็อปทำอาหารหรือคอร์สออนไลน์ การฝึกทักษะด้วยวิธีที่หลากหลายจะช่วยเพิ่มความสนุกให้กับการเรียนรู้และทำให้คุณมีแรงบันดาลใจในการพัฒนาตัวเอง 

การสั่งสมประสบการณ์ในครัวเพื่อก้าวสู่การเป็นเชฟ

เส้นทางสู่การเป็นเชฟมักเริ่มต้นจากตำแหน่งพื้นฐานในครัวอย่างพนักงานเตรียมวัตถุดิบ (Prep Cook) หรือพนักงานประกอบอาหาร (Line Cook) เพื่อฝึกฝนทักษะและทำความเข้าใจระบบการทำงานในครัวมืออาชีพ การทำงานภายใต้การกำกับดูแลของเชฟผู้เชี่ยวชาญไม่เพียงแต่ช่วยให้คุณได้เรียนรู้เทคนิคการทำอาหาร แต่ยังปลูกฝังคุณสมบัติที่สำคัญสำหรับการเป็นเชฟมืออาชีพด้วย เช่น วินัย การทำงานเป็นทีม และการบริหารเวลา  

การรับประกาศนียบัตรรับรองความเชี่ยวชาญด้านการทำอาหาร

นอกจากปริญญาด้านการทำอาหารแล้ว การมีประกาศนียบัตรรับรองความสามารถก็เป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้เชฟโดดเด่นในอุตสาหกรรมอาหารที่มีการแข่งขันสูง เพราะเป็นหลักฐานที่แสดงถึงความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน สถาบัน CAAS เปิดสอนหลักสูตร Certificate in Vegetarian Culinary Arts สำหรับนักเรียนและเชฟที่ต้องการเพิ่มพูนความเชี่ยวชาญด้านอาหารจากพืช (Plant-Based Cuisine) โดยเน้นการนำเสนออาหารให้สวยงาม การคำนึงถึงความยั่งยืน และแนวคิด Zero Waste ลดของเหลือใช้ในครัว เชฟผู้เชี่ยวชาญด้าน Plant-Based Cuisine มีโอกาสเติบโตในสายอาชีพและประสบความสำเร็จสูง เนื่องจากปัจจุบันผู้บริโภคหันมาใส่ใจสุขภาพและเลือกรับประทานอาหารมังสวิรัติหรือวีแกนมากขึ้น

อยากเป็นเชฟ ต้องมีทักษะสำคัญอะไรบ้าง ?

การประสบความสำเร็จในอาชีพเชฟต้องอาศัยความเชี่ยวชาญขั้นสูง และมีคุณลักษณะที่เหมาะสมสำหรับบทบาท

  • ความสม่ำเสมอในรสชาติและการนำเสนออาหาร เพื่อรักษามาตรฐานสูงสุดของทุกจาน
  • ความสามารถในการจัดการงานหลายอย่างพร้อมกัน และเสิร์ฟอาหารได้ตรงเวลา
  • ความคิดสร้างสรรค์ในการออกแบบเมนูใหม่ ๆ และการจัดจานให้สวยงาม
  • ทักษะความเป็นผู้นำ
  • ทักษะการสื่อสาร
  • ทักษะการแก้ปัญหา
  • ความสามารถในการควบคุมอารมณ์ในสถานการณ์ที่กดดัน
  • ความมุ่งมั่นในการรักษาสุขอนามัยและความสะอาดในครัวให้เป็นไปตามมาตรฐานความปลอดภัยทางอาหาร
ทักษะสำคัญสำหรับคน อยากเป็นเชฟ

การก้าวสู่บทบาทเชฟมืออาชีพต้องใช้เวลานานแค่ไหน ?

เส้นทางสู่การเป็นเชฟของแต่ละคนไม่มีกรอบเวลาที่ตายตัว ขึ้นอยู่กับทักษะ ความมุ่งมั่น แขนงที่ฝึกฝน และประสบการณ์ที่สั่งสมจากการทำงานในครัว

ผู้ที่สนใจในอาชีพเชฟสามารถศึกษาเพิ่มเติมในหลักสูตรด้านการทำอาหารซึ่งใช้เวลาเรียนประมาณ 1-4 ปี สถาบัน CAAS เปิดสอนทั้งหลักสูตรปริญญาและประกาศนียบัตรให้เลือกเรียนตามเป้าหมายของแต่ละคน โดยหลักสูตร Swiss Diploma in Culinary Arts ใช้เวลาเรียน 1 ปี สำหรับผู้ที่ต้องการเรียนรู้ให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น สถาบันยังมีหลักสูตรปริญญาตรีด้านศิลปะการทำอาหาร (Bachelor of Arts in Culinary Arts) ที่ใช้เวลาเรียนประมาณ 3 ปี 

หลังจบการศึกษาจากหลักสูตรสอนทำอาหารแล้ว ก็ถึงเวลาเก็บเกี่ยวประสบการณ์ด้วยการฝึกงานและฝึกเป็นลูกมือเชฟ ซึ่งใช้เวลา 6 เดือนถึง 2 ปี ขึ้นอยู่กับระดับการฝึกและประเภทของสถานประกอบการ การไต่ระดับจากเชฟฝึกหัดสู่หัวหน้าเชฟ (Sous Chef หรือ Head Chef) อาจใช้เวลาตั้งแต่ 5 - 10 ปีขึ้นไป โดยขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น การพัฒนาทักษะ ประเภทของร้านอาหาร โอกาสในการเรียนรู้จากรุ่นพี่ การเปลี่ยนแปลงในอาชีพ และการฝึกอบรมด้านการทำอาหาร

ประเภทของเชฟ

ด้วยความหลากหลายของอาหารและวัฒนธรรมการทำอาหารทั่วโลก เส้นทางอาชีพเชฟจึงเปิดกว้างไร้ขีดจำกัดสำหรับผู้ที่มีใจรักในการทำอาหาร เชฟมืออาชีพอาจมีความสนใจในแขนงต่าง ๆ ทำให้มีสายงานที่แตกต่างกันไป ซึ่งตัวเลือกยอดนิยมสำหรับเชฟมีดังนี้

ประเภทของอาชีพ

เชฟร้านอาหาร

ครัวของร้านอาหารมีการจัดลำดับตำแหน่งเชฟอย่างเป็นระบบเพื่อให้การทำงานเป็นไปอย่างราบรื่น โดยตำแหน่งต่าง ๆ มีบทบาทและหน้าที่ที่สำคัญ ดังนี้ 

Executive Chef (หัวหน้าเชฟ)หัวหน้าเชฟถือเป็นตำแหน่งสูงสุดในลำดับชั้นของครัว มีหน้าที่หลักคือการบริหารจัดการภาพรวมของครัว วางแผนงบประมาณ และวางแผนเมนู (แทบไม่ได้ลงมือทำอาหารด้วยตัวเอง)

Chef De Cuisine (หัวหน้าครัวร้อน) – รับผิดชอบการดำเนินงานประจำวันภายในครัว ควบคุมคุณภาพอาหาร ดูแลทีมงาน และประสานงานกับแผนกอื่น ๆ

Sous Chef (รองหัวหน้าครัวร้อน) – มีหน้าที่ช่วยเหลือหัวหน้าครัวร้อน ตอนที่หัวหน้าไม่อยู่

Chef de Partie (หัวหน้าแผนกครัว) – หัวหน้าแผนกครัว หรือ Station Chef มีหน้าที่ดูแลแต่ละแผนกในครัว เช่น 

  • Pastry Chef (เชฟขนมหวาน - Pâtissier) 
  • Roast Chef (เชฟย่าง - Rôtisseur) 
  • Sauté Chef (เชฟซอส - Saucier) 
  • Vegetable Chef (เชฟผัก - Entremetier) 
  • Pantry Chef (เชฟดูแลอาหารเย็น - Garde Manger)

Relief Chef (เชฟหมุนเวียน) – เชฟหมุนเวียน หรือ Chef de Tournant คือเชฟที่สามารถทำงานได้ทุกแผนก และช่วยเสริมทีมเมื่อมีความจำเป็น 

Junior Chef (ผู้ช่วยเชฟ) – ผู้ช่วยเชฟ หรือ Commis มีหน้าที่ช่วยงาน Station Chef ในแต่ละแผนก

เชฟผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง

ในขณะที่เชฟร้านอาหารจะต้องเชี่ยวชาญเทคนิคการทำอาหารที่หลากหลาย แต่เชฟหลายคนเลือกที่จะมุ่งเน้นไปที่ศาสตร์เฉพาะทางเพื่อฝึกฝนและพัฒนาฝีมือให้ถึงขีดสุดในสิ่งที่ถนัด ซึ่งอาชีพเชฟเฉพาะทางที่ได้รับความนิยม ได้แก่ :

  • เชฟซูชิ (Sushi Chef) : ผู้เชี่ยวชาญด้านซูชิ ซาชิมิ และอาหารญี่ปุ่นประเภทอื่น ๆ
  • เชฟอาหารโมเลกุล (Molecular Gastronomy Chef) : ผู้เชี่ยวชาญในการนำเทคนิควิทยาศาสตร์มาสร้างสรรค์เนื้อสัมผัสและรสชาติของอาหารให้แปลกใหม่ 
  • เชฟอาหารฝรั่งเศส (French Cuisine Chef) : ผู้เชี่ยวชาญเทคนิคการทำอาหารฝรั่งเศส ทั้งแบบดั้งเดิมและสมัยใหม่
  • เชฟอาหารอิตาเลียน (Italian Cuisine Chef) : ผู้เชี่ยวชาญการทำอาหารอิตาเลียนต้นตำรับ เช่น พาสตา พิซซ่า และริซอตโต

เส้นทางอาชีพอื่นในสายอาหาร

นอกจากการเป็นเชฟในร้านอาหารหรือโรงแรมแล้ว อุตสาหกรรมอาหารยังมีเส้นทางอาชีพอื่น ๆ ที่เปิดโอกาสให้เชฟได้แสดงฝีมือและความคิดสร้างสรรค์ในรูปแบบที่แตกต่างออกไป เช่น

  • เชฟส่วนตัว (Personal Chef) ผู้รับหน้าที่ปรุงอาหารตามความต้องการเฉพาะบุคคล
  • นักจัดอาหาร (Food Stylist) ผู้จัดแต่งอาหารให้ดูน่ารับประทาน เพื่อการถ่ายภาพหรือถ่ายทำวิดีโอ
  • ผู้ให้บริการจัดเลี้ยง (Caterer) ที่รับหน้าที่ดูแลเรื่องอาหารในอิเวนต์หรืองานเลี้ยงต่าง ๆ
  • อาจารย์สอนทำอาหาร (Culinary Instructor) ผู้ถ่ายทอดความรู้และทักษะการทำอาหารให้กับผู้ที่สนใจ

นอกจากนี้ โอกาสการทำงานของเชฟยังเปิดกว้างไปถึงด้านสื่อสารอาหาร (Food Media) ที่เชฟสามารถแบ่งปันความหลงใหลในการทำอาหารกับผู้ชมในวงกว้าง ไม่ว่าจะเป็นการคิดค้นสูตรอาหารให้กับนิตยสารและเว็บไซต์ การเขียนตำราอาหาร การทำรายการทำอาหาร หรือการสร้างสรรค์คอนเทนต์ด้านอาหารบนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย

เริ่มต้นความฝันการเป็นเชฟด้วยการศึกษากับสถาบันสอนทำอาหารระดับโลก

การได้เรียนรู้เส้นทางอาชีพนี้อย่างละเอียดจะช่วยให้เป้าหมายของคุณชัดเจนยิ่งขึ้น สำหรับผู้ที่อยากเป็นเชฟ ก้าวแรกที่จะพาคุณไปสู่ความสำเร็จในอนาคตคือการศึกษาด้านการทำอาหารเพื่อให้มีความรู้และทักษะที่จำเป็น ควบคู่ไปกับการฝึกฝน ลงมือปฏิบัติ และสั่งสมประสบการณ์จากโลกแห่งการทำงาน หากต้องการยกระดับความเชี่ยวชาญให้โดดเด่นยิ่งขึ้น คุณสามารถเรียนรู้เพิ่มเติมในหลักสูตรประกาศนียบัตร ซึ่งเป็นอีกหนทางในการเปิดประตูสู่โอกาสใหม่ ๆ อีกมากมาย

หากคุณสนใจศึกษาต่อด้านศิลปะการทำอาหารที่สถาบันสอนทำอาหารชั้นนำในสวิตเซอร์แลนด์ ติดต่อทีม Swiss Education Group ได้ที่เบอร์โทรศัพท์ 02-652-1481 หรือ LINE @studyinswitzerland

คำถามที่พบบ่อย

Q : ต้องมีคุณสมบัติอะไรบ้างจึงจะเป็นเชฟได้ ?

A : โดยทั่วไปแล้ว การเป็นเชฟต้องอาศัยการศึกษาด้านศิลปะการทำอาหารควบคู่ไปกับการฝึกฝน ปฏิบัติจริง และสั่งสมประสบการณ์ในครัวมืออาชีพ

Q : เชฟมือใหม่เรียกว่าอะไร ?

A : เชฟมือใหม่มักถูกเรียกว่า Commis Chef หรือ Junior Chef ซึ่งเป็นตำแหน่งเริ่มต้นในสายงานครัว ทำงานภายใต้การดูแลของเชฟมืออาชีพมากประสบการณ์เพื่อเรียนรู้และพัฒนาทักษะต่อไป

Our News & Blogs

ประชุมวางกลยุทธุ์การบริหารการเงินอุตสาหกรรมบริการ

สิ่งที่ควรรู้เกี่ยวกับการบริหารการเงินอุตสาหกรรมบริการมีอะไรบ้าง ?

การจัดอันดับมหาวิทยาลัยโลก QS World University Rankings ประจำปี 2025 โรงเรียนในเครือ Swiss Education Group

โรงเรียนในเครือ Swiss Education Group ติดอันดับต้น ๆ ของโลก ในการจัดอันดับมหาวิทยาลัยโลก QS World University Rankings ประจำปี 2025

ผู้เรียนจบปริญญาด้านศิลปะการประกอบอาหาร (Culinary Arts Degree)

เรียนจบปริญญาด้านศิลปะการประกอบอาหาร (Culinary Arts Degree) สามารถต่อยอดทำอะไรได้บ้าง ? เปิดเส้นทางอาชีพและโอกาสมากมายที่รอคุณอยู่

นักท่องเที่ยวพักผ่อนบนเตียงในห้องพัก

ที่พัก Airbnb กับโรงแรมแตกต่างกันอย่างไร ? อะไรคือข้อดีและข้อพิจารณาของแต่ละทางเลือก ?

Chat With Us

Chat

with us

Contact

us

Attend our

seminar