ไว้ชื่อ โสฬสจินดา “เซบาสเตียน” Director of Marketing at Orient Express Mahanakhon Bangkok


"ไว้ชื่อ โสฬสจินดา"   ชื่อเล่น   "เซบาสเตียน" หรือเรียกเขาสั้น ๆ ว่า  “เซบ”  เขาคือใคร มาจากไหน มาทำความรู้จักกับเขากัน อดีตเขาเป็นหนุ่มหล่อดีกรีผ่านเข้ารอบ หนุ่ม Cleo ในปี 2012 ในปัจจุบัน เขาเป็นหนุ่มไฟแรงที่ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานด้วยวัยอันน้อยนิด คุณเซบเติบโตและเรียนจบจากไฮสคูลที่สวีเดน และเรียนต่อในระดับปริญญาตรีที่ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ ที่ Swiss Hotel Management (SHMS) ในสาขา Bachelor of Arts in International Hospitality Management เขาเป็นหนุ่มหล่อ และมีเสน่ห์ในการทำงาน และมากด้วยความมั่นใจ เรามาหาคำตอบกับหนุ่มหล่อคนนี่ ถึงสาเหตุการตัดสินใจไปเรียนต่อด้านการโรงแรมที่ Swiss Hotel Management School (SHMS) และอะไรที่ทำให้เขาประสบความสำเร็จในชีวิตการทำงาน ตำแหน่งในงานปัจจุบันคือ Director of Marketing at Orient Express Mahanakhon Bangkok. นอกจากตำแหน่งงานที่ท้าทายแล้ว โรงแรมก็เช่นกัน โรงแรมโอเรียนท์ เอ็กซ์เพรส กรุงเทพมหานคร (Orient Express Mahanakhon Bangkok) จะเป็นโรงแรมแห่งแรกของโลก ที่จะเปิดในไทย ณ ตึก King Power Mahanakhon Bangkok. ส่วนตำแหน่งก่อนหน้าที่จะมาเป็น Director of Marketing ที่ Orient Express คุณเซบได้ทำในตำแหน่ง Cluster Director of Marketing Communications for SO Sofitel Hua Hin, Sofitel Luang Prabang และ 3 Nagas M Gallery Luang Prabang ในบทสัมภาษณ์ครั้งนี้เกี่ยวกับการทำงาน เป็นการทำงานที่ Sofitel

ทำไมถึงตัดสินใจเรียนต่อที่ Swiss Hotel Management School (SHMS)

 

การเรียนการโรงแรมที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์มันเป็นสากล หลักสูตรการเรียนการสอนที่ Swiss Hotel Management School (SHMS) เรียนเป็นภาษาอังกฤษ มีทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฎิบัติ

และอีกหนึ่งเหตุผล ที่ผมไม่อยากเรียนที่เมืองไทยครับ เพราะภาษาไทยผมไม่ถนัด (หัวเราะ) ส่วนหลักสูตรที่ SHMS จะบังคับให้นักศึกษาต้องผ่านการฝึกงานของในแต่ละเทอมการศึกษา ผมอยากจะพูดถึงช่วงตอนฝึกงาน อยากจะบอกเลยว่า "มันเป็นอะไรที่จริงจังมาก เปรียบสเหมือนการทำงานจริงๆ เลย" และอีกหนึ่งสาเหตุที่ไปเรียนที่ SHMS เพราะไม่ไกลจากสถานที่เล่น Snow Board เพราะผมชอบเล่น Snow Board มาก เลยตัดสินใจไปเลยที่ SHMS

ทำไมเลือกเรียนในสาขา Bachelor of Arts International Hospitality Management

สมัยเป็นเด็ก เวลาไปเที่ยวกับครอบครัวมักจะพักที่โรงแรม พอเวลาเดินเข้าไปในโรงแรม มันดูสวย หรูหรา มีคนทักทายมาตั้งแต่หน้าประตู (หัวเราะ) พอเข้าไปในห้องน้ำมีความสวยงาม เป็นหินอ่อน มีความรู้สึกชอบมากนะตอนนั้น แล้วผมก็นึกแบบเด็กๆ ว่า "พี่ๆ ที่ทำงานในโรงแรม เขาทำงานในสถานที่สวย แอร์เย็นสบาย ยืนต้อนรับคนและคอยให้บริการ เพื่อให้คนที่มาใช้บริการมีความสุข" ส่วนตัวผมแล้ว ผมรู้สึกว่ามันเป็นสถานที่ ที่พิเศษมาก ถ้าเราได้ทำงานในสถานที่แบบนั้น มันจะทำให้เราอยากไปทำงานด้วยเหตุผลบางอย่าง ที่มันก่อให้เกิดความสุขต่อเรา การสร้างความสุขให้กับคนที่มาใช้ช่วงเวลาพิเศษกับเรา แล้วเราสามารถส่งมอบความสุขให้เขาได้เล็กๆ น้อยๆ มันจะสร้างอิมเพ็คที่ดีให้กับคนได้ เลยเลือกเรียนด้าน Hospitality Management

ประโยชนย์ของการฝึกงานครั้งแรกที่ The Ritz London และครั้งที่สองที่ La Cour des Augustins Geneva

การฝึกงานเป็นอะไรที่ได้ประโยชน์มากครับ ประสบการณ์ฝึกงานครั้งแรก ผมได้มีโอกาสฝึกงานที่ The Ritz London ที่ประเทศอังกฤษ เป็นโรงแรม 5 ดาว และขึ้นชื่อว่าเป็นโรงแรมที่มีประวัติ Service ที่สูงมาก ตอนนั้นผมทำในตำแหน่ง Room Service, Waiter and Banquet Server มีอยู่ครั้งหนึ่งได้มีโอกาสเสิร์ฟ Prince Albert of Monaco มือสั่นมาก ถือว่าเป็นประสบการณ์ที่ดีมากที่ได้ให้บริการราชวงศ์ประเทศโมนาโก และได้เรียนรู้ว่า โรงแรมที่เขาเน้น Service ระดับ 5 ดาว มันเป็นยังไง ส่วนฝึกงานปี 2 ตอนนั้น Boutique Hotel กำลังบูมเลยเลือกฝึกงานที่ La Cour des Augustins Boutique Hotel ที่ Geneva ตำแหน่งที่ทำ Front office, Concierge, GRO ก็ถือว่าได้เก็บเกี่ยวประสบการณ์ที่หลากหลายครับ”

และสิ่งที่ผมได้เรียนรู้ในช่วงฝึกงาน คือการได้การเปรียบเทียบความรู้ที่ผมได้เรียนรู้มา จากความรู้ในห้องเรียนที่ได้จาก SHMS มีหลายเรื่องที่เราสามารถนำสิ่งที่เราเรียนรู้มาไปใช้ในสถานณ์การการทำงานจริงในช่วงฝึกงาน แต่บางเหตุการณ์ก็ไม่มีและไม่ตรงกับที่เราเรียนมา ดังนั้นเราก็ต้องใช้วิจารณญาณในแต่ละสถานการณ์ที่เราเจอ เรามีความรู้พื้นฐานและข้อมูลในทางทฤษฎีที่แน่น แต่ทางกลับกันภาคปฏิบัตินั้น บางทีมันก็ไม่ตรงตามที่เราเรียนมา นี้แหละคือสิ่งสำคัญที่เราต้องเรียนรู้ หาปัญหาให้เจอและแก้ให้ได้ ต้องทำอย่างไรและจะเอามาปรับเปลี่ยนและต้องทำให้ได้ สุดท้ายมันก็ทำให้เราได้ความรู้และประสบการณ์ใหม่ ๆ ตลอดเวลา

The Ritz London

La Cour des Augustins Geneva

 

การเรียนการสอนที่ Swiss Hotel Management School (SHMS)

“ระบบการเรียนที่ SHMS ในระดับปริญญาตรีเราจะเรียนแค่สามปี ฝึกงาน 2 ครั้ง แต่ละเทอมเรียนประมาณ 6 เดือน และต้องฝึกงานหลังจากเรียนจบในเทอมที่ 1 และเทอมที่ 2 ระยะเวลาขึ้นอยู่กับสัญญาที่เราคุยกันกับนายจ้างตอนที่เราสัมภาษณ์งาน ระยะเวลาฝึกงานประมาณ 4 - 6 เดือน ตอนเรียนปีหนึ่ง หลักสูตรที่ SHMS จะเน้นการเรียนการสอนเกี่ยวกับพื้นฐานด้านการโรงแรมคือ F&B (Food and Beveres) และเทอมที่ 2 จะเรียนเกี่ยวกับ Front Office and Rooms Division Management และเทอมสุดท้ายจะเน้นการเรียนด้านการบริหารการจัดการงานโรงแรม (Hospitality Management)

มีปัญหาตอนฝึกงานบ้างไหม

ไม่ค่อยมีปัญหาช่วงฝึกงาน เพราะทาง SHMS มีเจ้าหน้าที่ดูแลนักศึกษา เราสามารถส่งข่าวสาร เกี่ยวกับที่ฝึกงาน ว่ามันดีหรือไม่ดีอย่างไร "ตอนนั้นผมสู้งานนะครับ มีการรับงานเพิ่มด้วย เพราะตอนนั้นอยากทำให้เรื่องเรียนเป็นเรื่องใหญ่ และฝึกงานได้รับค่าขนมด้วย บางวันทำงานสิบสามชั่วโมง มันก็เหนื่อยนะแต่ประโยชน์ที่ได้คือมันได้ประสบการณ์ที่ดีและได้เห็นการทำงานจริงๆ อย่างมาก"

เคยคิดวางแผนไหมว่าอยากทำตำแหน่งไหนใดเป็นพิเศษในงานด้านการโรงแรมและการบริการ

ตอนที่เรียนยังคิดไม่ออกครับว่าจะทำงานส่วนดี และก็ไม่เคยคิดเลยว่าหลังเรียนจบแล้ว ผมต้องมาทำในตำแหน่ง Marketing Sale เพราะผมมองว่า "คุณจะเติบโตในตำแหน่งงานมาได้นั้น ต้องผ่านร้อนผ่านหนาวมา มันมาจากการเรียนรู้ ลองสังเกตคนที่เขามีตำแหน่งงานใหญ่โตนะตอนนี้ เขาต้องผ่านอะไรมามากมาย" ดังนั้นผมต้องเริ่มต้นจากศูนย์ ส่วนเรื่องของบุคคลที่คิดอคติอต่องานด้านการโรงแรม และการบริการนั้น สำหรับผมแล้ว ผมไม่ค่อยใส่ใจ ถ้างานด้านการโรงแรมและการบริการผมทำแล้วมีความสุขดี ผมก็จะทำครับ

เวลาผมได้ร่วมงานกับน้องๆ ที่เพิ่งเข้ามาทำงานนั้น ผมเป็นคนชอบสังเกต ตอนแรกๆ น้องๆ มักคิดอยู่แต่ในกรอบอย่างเดียว เวลาเท่านั้นที่จะช่วยให้น้องๆ ออกจากกรอบ ผมให้โจทย์ลงมือทำ และคอยไกด์ให้ ผมมักจะสอนและให้คำแนะนำ และพยายามหาวิธีที่จะทำอย่างไรที่จะทำให้เกิดการพัฒนาในทางที่ดี ซึ่งตอนนี้น้องๆ เขาดีมาก มักจะเจอปัญหาเล็กๆ เวลาทำงานกันเป็นทีม คือ ความเป็น Independent or Ownership ของคนๆ นั้น ส่วนเรื่องของการไปให้ถึงเส้นชัยนั้นไม่ง่ายเลย บางครั้งเจอปัญหา ไม่รู้วิธีแก้ อ้าวแล้วทำไงต่อดี ปัญหานี้แหละที่คุณก็ต้องหาวิธีแก้ สอบถาม หรือค้นคว้าหาข้อมูลเพิ่มเติม

รายวิชาเรียนที่ชอบและสามารถนำมาประยุกต์กับการทำงานในชีวิตจริง

อย่างวิชา Consumer Behavior ผมชอบตรงที่ Expectation และ Perception Images คือเล่นกับความต้องการ ความคาดหวัง และทำความเข้าใจกับลูกค้า ผมชอบจ้ำจี้จ้ำไชกับรายละเอียดตรงนี้มาก คือเราวาดภาพ มองภาพ เห็นภาพ (Visualize) ถึงสิ่งที่จะกระตุ้นความสนใจของตลาดลูกค้าเรา แล้วดูว่าความคาดหวังคืออะไร (จากลูกค้าและเราด้วย) และที่สุดนั้น “สิ่งที่คาดหวัง” มันตีออกมาเป็นสิ่งที่มีค่าเท่าไหร่ อย่างไร ในโลกของความเป็นจริง คือมันมีไกด์อยู่เหมือนกัน ผมชอบคิด เริ่มอะไรใหม่ๆ มันเป็นความสนุกในการทำงานของผม มันคล้ายทำงานโฆษณาเอเจนซี่ แต่ที่มันต่างกันคือ แทนที่เราจะรับปรีฟ แบบเอเจนซี่ ที่เราทำอยู่นี้ เราเห็นตั้งแต่ต้นและทำต่อจนจบ มันมีความภาคภูมิใจมาก ก็มีบางอันนะครับทำออกมาแล้วไม่ประสบความสำเร็จ มันก็คือโลกของการทำงาน แต่สิ่งที่ผมได้มาคือ เราได้เรียนรู้กับมัน  Ok, That is journey! มันคือการเดินทางบนเส้นทางแห่งการเรียนรู้”

"Feeling Proud and Share With Your Team"

ถ้าเราทำงานแล้วมีข้อผิดพลาดชิ้นไหน ไม่เป็นไรปรับปรุงแก้ไขไหมครั้งถัดไป มันเป็น "Feeling Pround and Share With Your Team" ผมจะคิดและสร้างสรรค์ทุกวัน เป็นแบบฝึกหัดให้สมอง และทดสอบความรู้ของตัวผมเองด้วย “I Like to Have a Purpose in Life" "ผมชอบที่จะทำอะไรแบบมีวัตถุประสงค์ในชีวิต" ส่วนเรื่องของกระบวนการแบบนี้ มันก็จะมาพร้อมกับการทำงานที่มากขึ้น มันทำให้คุณสามารถจัดโครงสร้างในการทำงานได้ ติดตามงานได้ และเป็นระบบที่มีประสิทธิภาพกับทีม คือที่สำคัญมันสนุกสนาน ท้าทายชีวิตการทำงาน ผมมีความสุขมาก ตื่นเช้าขึ้นมามีความรู้สึกอยากไปทำงานทุกวัน อยากไปทำงานที่ค้างให้เสร็จ แล้วค่อยไปทำอะไรโน่นนี่นั้น

ทำตำแหน่งนี้มาได้ ประมาน 2 ปีครึ่งแล้วครับ รออีกสองปีนะครับว่าผมจะมีตำแหน่งอะไรต่อไป (หัวเราะ) ผมมีแผนอนาคตอยู่นะ มีแผนสำหรับอายุที่มากขึ้น ในขณะนี้ ตอนนี้ผมก็ทำดีที่สุดที่จะทำได้ ผมให้สองร้อยเปอร์เซ็นต์เลยครับ ผมให้หมดใจหมดตัว แต่เมื่อพลาดก็คือบทเรียน ที่ล้ำค่าเพราะคุณได้ทำจนสุดตัวแล้ว และได้เรียนจากตรงนี้ อย่างเช่น ถ้าผมเป็นคนล้างจานที่ไหนสักแห่ง ผมจะต้องทำให้ตัวเองเป็นคนล้างจานที่ดีที่สุด แล้วมันจะทำให้คุณรู้สึกดี ภูมิใจ กับงานที่ทำ

เรื่องความผิดพลาด ผมรู้ว่าความผิดพลาดแต่ละครั้งมันจะเป็นบทเรียนที่ดี มันมาแล้วมันก็ผ่านไปได้ด้วยดีในแต่ละครั้ง ปัญหาที่เกิดขึ้นในแต่ละครั้งมันไม่ใช่ "The End of The World" คือ Bad  Things Happen! เป็นเรื่องที่เราไม่สามารถคาดการได้ล่วงหน้า ดังนั้นกลุ้มใจไปก็เปลืองพลังงานเปล่า ๆ เมื่อเกิดปัญหาขึ้นมาจิตเราก็จะวิตก ทำให้สมองเราคิดมากจนทำให้เราหมดแรง หมดหนทางคิดหาทางออก มันก็จะยิ่งทำให้เกิดการขยายของปัญหาให้ใหญ่ขึ้น

Always Make Sure That Your Work is Done Properly

อย่างที่เจ้านายของผมคนหนึ่งสอนว่า "Always Make Sure That Your Work is Done Properly" คือ "ทำให้แน่ใจว่างานที่คุณทำนั้นถูกต้องและเรียบร้อย" อย่าให้งานหลุด เพราะถ้ามันหลุดแล้ว บางทีมันส่งผลเสีย ถึงแม้ว่าจะไม่ได้เกิดจากเรา แต่เราคือคนที่รับผิดชอบ ดังนั้นเป็นความรับผิดชอบของเราที่เช็คความถูกต้อง เก็บรายละเอียดให้หมด อย่าเปิดช่องว่างให้กับความผิดพลาด บางครั้งพลาดได้แต่เราต้องให้ลูกค้ารู้ว่าเราได้พยายามทุกอย่างสุดความสามารถแล้ว

คือเราว่าเราเป็นหัวหน้าเราไม่มีหน้าที่มานั่งจับผิดทีมถ้ามันผิดต้องรีบแจ้ง เราจะได้ช่วยกันแก้ปัญหา ไม่ใช่ว่าคุณผิดแล้วผมต้องมานั่งด่าจับผิดหาสาเหตุ ไม่มีใครอยากทำงานผิดพลาดนะครับในโลกนี้ แต่ผิดแล้วยอมรับผิด แล้วก็ช่วยกันหาทางแก้ไขปัญหาร่วมกัน

ความรับผิดชอบ เป็น Ownership ในการทำงานนั้นคนส่วนมากยังขาดอยู่มาก ต้องรับทั้งเครดิตดีและรับผิดชอบเครดิตที่ไม่ดีด้วย ไม่ต้องกลัวและต้องกล้า ตอนนี้ผมเข้าที่แล้วกับการทำงานแบบปล่อยได้เท่าไหร่และสามารถดึงได้เท่าไหร่ครับ

มุมมองของคุณในเรื่องความมั่นใจในการทำงาน

ผมคิดว่าเป็นการมองในมุมมองต่อสิ่งต่างๆ มันมีความสำคัญต่อเด็กที่กำลังเติบโตอย่างมาก ถึงแม้ว่าจะเพิ่งเรียนจบแค่มัธยมปลาย แต่มันก็ไม่ใช่เป็นปัญหา แต่ที่สำคัญคือ "การได้กล้าลองทำในสิ่งใหม่ๆ และมีโอกาสได้แสดงมุมมองของเรานั้น มันเหมือนเราได้เช็คตัวเองว่า เรามาถูกทางหรือไม่อย่างไร เหมือนกับการได้ตั้งคำถาม ถามตัวเองว่า ถูกแล้วใช่ไหมไหมที่เราคิดแบบนี้ การเตรียมความรู้เป็นสิ่งที่สำคัญมาก เพราะมันทำให้เกิดการคิดอย่างต่อเนื่อง”

A Day in a Life of “เซบาสเตียน”

ตื่นเช้านั่ง BTS ไปทำงาน เช็คอีเมล์ ประชุมเก้าโมงกับฝ่าย Sale และ Marketing เขาจะคอย Update มีรายงานเหตุการณ์ที่เกิดเมื่อคืน มีคอมแพลนไหม มีเช็คอินเท่าไหร่ วีไอพีเข้ากี่รายมีใครบ้าง มีลูกค้าที่มาเป็นกลุ่มเท่าไหร่ เช็คแร้งกิ้งของโรงแรมวันนี้ ตำแหน่งไหนอย่างไร มีงานอะไรในวันนี้ ทางแผนก Sale ก็จะบอกว่ากำลังคุยกับลูกค้าคนไหนบ้าง ส่วนฝ่ายขายก็จะบอกว่าวันนี้เขาทำอะไรแผนไปถึงไหน จะโปรโมทอะไร คือเราก็จะเช็คว่างานไหนมีลำดับความสำคัญอย่างไร ต้องทำอันไหนก่อนหลัง เราดูภาพรวมและแจกจ่ายงาน เพราะเรารู้ว่าเราต้องส่งงานอะไรก่อนหลัง เราจะเรียงลำดับ

สุดท้ายนี้มาอยู่เมืองไทยนานคิดถึงสวีเดนไหม

คิดถึงครับ ที่สวีเดนผมโตมากกับธรรมชาติ และความสงบ แต่ยังสนุกกับการทำงานที่เอเชียมากกว่าการกลับไปที่สวีเดน ที่สุดของความที่สนุกกับการทำงานของผม คือได้คิดครีเอทีฟงานตลอดเวลา เห็นมันตั้งแต่ต้นจนจบ เราได้ฝากชื่อไว้กับผลงานเรา ในอนาคตเรารู้ว่าเราทิ้งอะไรไว้ข้างหลัง เวลาแก่ห้าปีสิบปีข้างหน้า ถ้าพาลูกไปเที่ยวโรงแรมที่เคยทำงาน สามารถบอกเขาได้ว่า "พ่อเคยสร้างเคยทำงานที่นี้นะ อะไรบ้าง ทำอย่างไรบ้าง มีเรื่องเล่าให้เขาฟัง มันมีความสุขนะครับเพราะเรามีความทรงจำที่ประทับใจ "You Live With Your Memory”

เวลาของการสนทนาผ่านไปเร็วจนเหลือเชื่อ เราหวังว่าการคุยกันครั้งนี้ จะทำให้เรารู้จักคนที่ชื่อ “ไว้ชื่อ โสฬสจินดา” หรือ "คุณเซบาสเตียน" ในอีกมุมมองหนึ่งที่ลุ่มลึกและน่าทึ่งมากกับการทำงาน ขอบคุณที่สละเวลาและแชร์เรื่องราวที่น่าสนใจกับเราชาว Swiss Education Group Thailand วันนี้ ขอบคุณค่ะ

Swiss Hotel Management School (SHMS)

 

SO Sofitel Hua Hin

Sofitel Luang Prabang

3 Nagas M Gallery Luang Prabang

 

ขอบคุณรูปภาพจาก

The Ritz London
La Cour des Augustins Geneva
SO Sofitel Hua Hin
Sofitel Luang Prabang
3 Nagas M Gallery Luang Prabang

 

Our News & Blogs

การจัดการรีสอร์ท : วิธีเริ่มต้นอาชีพในฝันของคุณในธุรกิจการบริการ

การจัดการรีสอร์ท : วิธีเริ่มต้นอาชีพในฝันของคุณในธุรกิจการบริการ 

การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ Spa Tourism

การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ Spa Tourism ในปี 2025 : จุดหมายปลายทางยอดนิยม เทรนด์มาแรง และประโยชน์

ขั้นตอนการเริ่มต้น ธุรกิจร้านเบเกอรี่ จากที่บ้าน

เคล็ดลับและขั้นตอนการเริ่มต้นธุรกิจร้านเบเกอรี่จากที่บ้าน

15 เชฟชื่อดัง ระดับโลกผู้พลิกโฉมวงการอาหาร

15 เชฟชื่อดังระดับโลกผู้พลิกโฉมวงการอาหาร

Chat With Us

Chat

with us

Contact

us

Attend our

seminar