10 แนวโน้มอุตสาหกรรมการบริการที่น่าจับตามองในปี 2025


10 แนวโน้มอุตสาหกรรมการบริการที่น่าจับตามองในปี 2025

ความก้าวหน้าของเทคโนโลยีและความต้องการที่เปลี่ยนไปของผู้บริโภคทำให้เกิดเทรนด์ใหม่ ๆ อยู่ตลอดเวลาในอุตสาหกรรมการบริการ เพื่อให้ลูกค้าเกิดความประทับใจและกลับมาใช้บริการอีกครั้ง โรงแรมและรีสอร์ตจึงต้องให้ความสำคัญกับความต้องการของนักท่องเที่ยวยุคใหม่ ไม่ว่าจะเป็นในด้านความน่าเชื่อถือ ความสะดวกสบาย และบริการที่ตอบสนองความต้องการส่วนบุคคล สำหรับปี 2025 นี้ แนวโน้มอุตสาหกรรมการบริการเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรบ้าง ? มีอะไรน่าจับตามอง ? บทความนี้มีคำตอบสำหรับคุณ

10 แนวโน้มอุตสาหกรรมการบริการที่มาแรงในปี 2025

1. นวัตกรรมทางเทคโนโลยี (Technological Innovations)

เทคโนโลยีคือหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ทำให้แนวโน้มอุตสาหกรรมการบริการมีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ โดยเฉพาะในปัจจุบันที่อุปกรณ์อัจฉริยะเริ่มเข้ามามีบทบาทสำคัญในการยกระดับประสบการณ์ของลูกค้า เช่น เครื่องควบคุมอุณหภูมิที่ปรับตามความชอบของผู้เข้าพัก แอปแนะนำกิจกรรมที่น่าสนใจภายในท้องถิ่น หรืออีกเทรนด์ที่กำลังเป็นที่นิยมคือแชตบอต AI ที่ช่วยตอบคำถามทั่วไปและรับจองห้องพักตลอด 24 ชั่วโมง

2. ความยั่งยืนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (Sustainability and Eco-friendly Practices)

ในปัจจุบัน ความยั่งยืนได้กลายเป็นหนึ่งในแนวโน้มอุตสาหกรรมการบริการที่ได้รับความสนใจเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง นักท่องเที่ยวยุคใหม่มองหาโรงแรมหรือรีสอร์ตที่ให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อม ซึ่งธุรกิจก็กำลังปรับตัวด้วยการประหยัดพลังงาน ลดขยะ รวมถึงหาตัวช่วยในการใช้ทรัพยากรอย่างยั่งยืน เช่น ระบบทำความร้อนพลังงานแสงอาทิตย์ ไฟแอลอีดี และเทคโนโลยีประหยัดน้ำ ซึ่งไม่เพียงช่วยลดค่าใช้จ่าย แต่ยังแสดงให้เห็นว่าธุรกิจนั้นใส่ใจถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอีกด้วย

3. ประสบการณ์การเข้าพักที่ตอบสนองความต้องการส่วนตัว (Personalized Guest Experiences)

โรงแรมหรือรีสอร์ตในยุคนี้ไม่ได้ทำหน้าที่เป็นเพียงที่พักอาศัยอีกต่อไป แต่ต้องเป็นสถานที่ที่มอบประสบการณ์การพักผ่อนที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้เข้าพักมากที่สุดด้วย เช่น อุณหภูมิห้องที่พอเหมาะ ประเภทหมอนที่ชอบ หรือการแนะนำร้านอาหารที่ถูกปาก รายละเอียดเล็กน้อยเหล่านี้เป็นสิ่งที่สร้างความประทับใจและทำให้ลูกค้ามีประสบการณ์ที่น่าจดจำ นอกจากการดูแลอย่างยอดเยี่ยมระหว่างการเข้าพักแล้ว การดูแลหลังการเข้าพักก็สำคัญไม่แพ้กัน การส่งอีเมลขอบคุณเป็นการส่วนบุคคล หรือมอบข้อเสนอพิเศษสำหรับการเข้าพักครั้งถัดไป จะช่วยให้ลูกค้าคิดถึงที่พักของคุณเสมอ และเพิ่มโอกาสที่จะกลับมาใช้บริการอีกครั้ง

4. ประสบการณ์การรับประทานอาหารที่เปลี่ยนไปตามยุคสมัย (Evolving Culinary Experiences)

รสนิยมในการรับประทานอาหารของนักท่องเที่ยวมีการเปลี่ยนแปลงไปตามเวลา โรงแรมและรีสอร์ตจึงต้องปรับตัวเพื่อตอบสนองความต้องการรูปแบบใหม่ของผู้เข้าพัก โดยอาหารที่ได้รับความนิยมในยุคนี้คืออาหารแบบ Farm to Table ที่ใช้วัตถุดิบสดใหม่จากท้องถิ่นเพื่อเน้นรสชาติตามฤดูกาลและสนับสนุนเกษตรกรรายย่อย นอกจากนี้ อาหารจากพืช (Plant-Based Food) ก็เป็นเมนูอีกประเภทหนี่งที่ได้รับความนิยมมากขึ้นเนื่องจากนักท่องเที่ยวต้องการอาหารที่ดีต่อสุขภาพและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ความต้องการที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทำให้ตลาดอาหารจากพืชเติบโตจาก 3.9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2017 เป็น 8.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2023

5. ทัวร์เสมือนจริงและการถ่ายทอดเรื่องราวบนโซเชียลมีเดีย (Virtual Tours and Storytelling on Social Media)

เนื่องจากนักท่องเที่ยวในปัจจุบันมักเลือกที่พักจากสิ่งที่เห็นออนไลน์ โซเชียลมีเดียจึงกลายเป็นตัวแปรสำคัญที่ขับเคลื่อนแนวโน้มอุตสาหกรรมการบริการ โรงแรมและรีสอร์ตหันมาใช้แพลตฟอร์มอย่าง Instagram, TikTok และ Facebook เป็นตัวช่วยที่สำคัญในการดึงดูดและมีปฏิสัมพันธ์กับลูกค้า นอกจากนี้ อีกหนึ่งกลยุทธ์การตลาดที่ได้ผลดีคือทัวร์เสมือนจริง หรือ Virtual Tour ที่โรงแรมสามารถแนะนำห้องพัก สิ่งอำนวยความสะดวก และวิวสวย ๆ ผ่านวิดีโอให้ลูกค้าได้เห็นบรรยากาศก่อนตัดสินใจจอง

10 เทรนด์แนวโน้มอุตสาหกรรมการบริการ

6. การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ (Wellness and Health-Oriented Travel)

การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ เป็นหนึ่งในแนวโน้มที่กำลังมาแรงเพราะนักท่องเที่ยวให้ความสำคัญกับสุขภาพกายและสุขภาพจิตมากขึ้น โรงแรมและรีสอร์ตจึงตอบสนองความต้องการด้วยบริการสปา โยคะ และโปรแกรมออกกำลังกายที่ช่วยฟื้นฟูทั้งร่างกายและจิตใจ พร้อมนำเสนอตัวเลือกอาหารที่ดีต่อสุขภาพ เช่น เมนูจากพืช อาหารดีท็อกซ์ และน้ำผลไม้สด ให้ประสบการณ์การพักผ่อนสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น

7. ประสบการณ์หรูหรา (Luxury Experiences)

นักท่องเที่ยวยุคใหม่นิยมมองหาประสบการณ์ที่มีความพิเศษและไม่เหมือนใคร เช่น การล่องเรือยอชต์แบบส่วนตัว การขึ้นบอลลูนลมร้อน หรือดินเนอร์สุดหรูที่ทุกรายละเอียดถูกคัดสรรมาอย่างพิถีพิถันตามรสนิยมส่วนตัว บริการสุดพิเศษเหล่านี้ช่วยยกระดับประสบการณ์ให้มีความน่าจดจำ และทำให้แขกรู้สึกว่าได้รับการดูแลในฐานะคนพิเศษ ตัวอย่างของประสบการณ์หรูหราคือโรงแรมบูติกที่มีการจัดธีมแฟชั่น การออกแบบสิ่งอำนวยความสะดวกภายในห้องพักร่วมกับดีไซเนอร์แบรนด์หรู หรือการแสดงจากศิลปินชื่อดังในงานเลี้ยงส่วนตัว

8. การทำงานระยะไกลและการท่องเที่ยวแนว Bleisure Travel (Remote Work and Bleisure Travel)

การเดินทางแบบผสมผสานการทำงานและการพักผ่อน หรือ Bleisure Travel คือเทรนด์ที่กำลังได้รับความนิยมมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง โรงแรมหลายแห่งจึงนำเสนอแพ็กเกจเพื่อการทำงานที่สะดวกสบายมากขึ้น โดยให้บริการทั้งอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง พื้นที่ทำงาน และห้องประชุมส่วนตัวพร้อมเทคโนโลยีทันสมัย โรงแรมบางแห่งอาจยกระดับ Bleisure Travel ด้วยโต๊ะทำงานที่ออกแบบตามหลักสรีรศาสตร์ภายในห้องพัก บริการด้านเทคโนโลยี และผู้ช่วยพิเศษสำหรับธุรกิจ เพื่อให้การทำงานและการพักผ่อนเป็นไปอย่างราบรื่น

9. เครื่องดื่มสุดล้ำและบาร์แนวใหม่ (Innovative Beverages and Bars)

บาร์ในโรงแรมเริ่มได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ จนกลายเป็นจุดหมายปลายทางในตัวเอง ไฮไลต์ของบาร์เหล่านี้คือค็อกเทลคราฟต์ (Craft Cocktails) ที่ใช้วัตถุดิบสดใหม่จากท้องถิ่น เช่น ผลไม้ออร์แกนิก สมุนไพร และธัญพืช รังสรรค์เป็นเครื่องดื่มที่มีเอกลักษณ์โดดเด่น นอกจากนี้ บาร์หลายแห่งยังนำเสนอประสบการณ์แบบ Interactive ที่ให้ลูกค้ามีส่วนร่วมในการสร้างสรรค์เครื่องดื่มด้วย เช่น คลาสสอนชงเครื่องดื่ม การเปิดโอกาสให้ลูกค้าปรับสูตรเครื่องดื่มเอง หรือการชงเครื่องดื่มให้ที่โต๊ะของลูกค้า ทำให้การดื่มค็อกเทลเป็นกิจกรรมที่สนุกและมีเสน่ห์มากขึ้น

10. การสัมผัสวัฒนธรรมและประสบการณ์ในท้องถิ่น (Cultural Immersion and Authentic Local Experiences)

นักท่องเที่ยวยุคใหม่ให้ความสนใจกับการสัมผัสวัฒนธรรมท้องถิ่น โรงแรมและรีสอร์ตจึงนำเสนอกิจกรรมที่เปิดโอกาสให้ผู้เข้าพักได้ทำความรู้จักกับสถานที่อย่างลึกซึ้ง เช่น คลาสสอนทำอาหารโดยเชฟท้องถิ่น การท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมแบบมีไกด์นำเที่ยว และการแสดงศิลปะพื้นฐาน บางแห่งมีการร่วมมือกับช่างฝีมือท้องถิ่นเพื่อจัดเวิร์กช็อปปั้นดินเผา ทอผ้า หรือวาดภาพ เพื่อให้ผู้เข้าพักได้สัมผัสขนบธรรมเนียม วัฒนธรรมอาหาร และเรื่องราวอันเป็นเอกลักษณ์ของสถานที่แห่งนั้น

โรงแรมและรีสอร์ตควรปรับตัวอย่างไรเพื่อตอบสนองต่อแนวโน้มอุตสาหกรรมการบริการ ?

เราจะปรับใช้แนวโน้มอุตสาหกรรมการบริการอย่างไร
  1. เปิดรับการเปลี่ยนแปลง : แนวโน้มต่าง ๆ มาแล้วก็ผ่านไป ความยืดหยุ่นจึงเป็นสิ่งสำคัญ การลองไอเดียใหม่ ๆ เช่น แพ็กเกจสุขภาพ หรือประสบการณ์การรับประทานอาหารแบบ Interactive จะช่วยให้ธุรกิจของคุณมีความสดใหม่และน่าสนใจอยู่เสมอ
  2. ประยุกต์ใช้เทคโนโลยี : ยกระดับการบริการของคุณด้วยระบบเช็กอินผ่านมือถือ ทัวร์เสมือนจริง หรือการปรับแต่งประสบการณ์การบริการด้วย AI เครื่องมือเหล่านี้ไม่เพียงแต่สร้างความประทับใจให้แขก แต่ยังช่วยให้การทำงานของคุณมีประสิทธิภาพมากขึ้นอีกด้วย
  3. ฝึกอบรมทีมงาน : พนักงานคือหน้าตาของธุรกิจบริการ การฝึกอบรมอย่างสม่ำเสมอเกี่ยวกับเทคโนโลยีใหม่ ๆ ทักษะการบริการลูกค้า และแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับความยั่งยืน จะช่วยให้ทีมงานของคุณทำงานได้อย่างมั่นใจ มีความเป็นมืออาชีพ และพร้อมให้บริการอยู่เสมอ
  4. ใส่ใจสิ่งแวดล้อม : นักท่องเที่ยวยุคใหม่ให้ความสำคัญกับความยั่งยืน ธุรกิจของคุณจึงต้องตอบสนองต่อแนวคิดนี้ด้วยเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นการลดขยะ ใช้วัตถุดิบจากท้องถิ่น หรือติดตั้งระบบประหยัดพลังงาน เพราะแนวทางการปฏิบัติเหล่านี้แสดงให้เห็นว่าคุณใส่ใจสิ่งแวดล้อมและลูกค้าของคุณ
  5. รับฟังความคิดเห็นของลูกค้า : ความคิดเห็นของลูกค้าคือขุมทรัพย์ของธุรกิจบริการ คุณสามารถทราบความคิดเห็นของลูกค้าได้จากหลายวิธีด้วยกัน ทั้งแบบสอบถาม รีวิวออนไลน์ หรือการพูดคุยกับลูกค้าโดยตรง นำข้อมูลที่ได้มาพิจารณาว่าอะไรได้ผลดีและอะไรที่ต้องปรับปรุง จากนั้นนำไปพัฒนาเพื่อมอบบริการที่ตรงกับความต้องการของลูกค้ามากขึ้น

ก้าวนำหน้าคู่แข่งของคุณด้วยการปรับตัวต้อนรับแนวโน้มอุตสาหกรรมการบริการปี 2025

แนวโน้มอุตสาหกรรมการบริการในปัจจุบันกำลังเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วโดยมีปัจจัยสำคัญอย่างเทคโนโลยี ความยั่งยืน บริการที่ปรับแต่งตามความต้องการเฉพาะบุคคล การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ และการสัมผัสวัฒนธรรมท้องถิ่นเป็นตัวขับเคลื่อน การปรับตัวให้ทันกับความคาดหวังของนักท่องเที่ยว ตั้งแต่การปรับใช้แนวทางที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม การนำเสนอประสบการณ์สุดหรูหรา ไปจนถึงการสร้างสรรค์บาร์แนว Interactive จะทำให้คุณก้าวนำหน้าไปอีกระดับในอุตสาหกรรมการบริการที่เต็มไปด้วยความท้าทาย  

สำหรับผู้ที่สนใจในอุตสาหกรรมการบริการและต้องการสร้างการเปลี่ยนแปลงเพื่อขับเคลื่อนธุรกิจ เราขอแนะนำหลักสูตรปริญญาตรีศิลปศาสตรบัณฑิต สาขาการจัดการธุรกิจบริการระหว่างประเทศ หรือ Bachelor of Arts in International Hospitality Management จากสถาบัน Swiss Hotel Management School (SHMS) ที่ผสมผสานความคิดสร้างสรรค์เข้ากับกลยุทธ์ทางธุรกิจ ช่วยให้คุณมีทั้งทักษะและความรู้ที่จำเป็นเพื่อการเติบโตและประสบความสำเร็จในอุตสาหกรรมระดับโลก หากต้องการเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ SHMS และหลักสูตรที่เหมาะสำหรับเป้าหมายทางอาชีพของคุณ ติดต่อทีมแนะแนวการศึกษา Swiss Education Group ประเทศไทย ได้ที่เบอร์โทรศัพท์ 02-652-1481 หรือ LINE @swisseducation เพื่อพูดคุยกับเราโดยตรง

คำถามที่พบบ่อย

Q : แนวโน้มต่าง ๆ มีผลต่ออุตสาหกรรมการบริการอย่างไร ?

A : แนวโน้มเป็นตัวกำหนดความคาดหวังของลูกค้า กระตุ้นให้เกิดนวัตกรรมใหม่ ๆ และผลักดันให้ธุรกิจปรับตัวเพื่อให้คงความสดใส น่าสนใจ และมีความสามารถในการแข่งขัน

Q : อุตสาหกรรมการบริการในอนาคตจะเป็นอย่างไร ?

A : อนาคตของอุตสาหกรรมการบริการจะขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี ความยั่งยืน และการบริการที่ปรับแต่งตามความต้องการเฉพาะบุคคล โดยมุ่งเน้นการสร้างประสบการณ์ที่ราบรื่น เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และตรงกับความต้องการของลูกค้ามากขึ้น

Q : แนวโน้มหลักของอุตสาหกรรมการบริการและการท่องเที่ยวในปี 2025 คืออะไร ?

A : มีการคาดการณ์ว่าความยั่งยืนและประสบการณ์การท่องเที่ยวที่ปรับแต่งได้ตามความต้องการเฉพาะบุคคลจะกลายเป็นแนวโน้มหลัก โดยให้ความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจอย่างเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และบริการที่ตอบสนองความต้องการเฉพาะบุคคล

Our News & Blogs

วิธีคํานวณต้นทุนอาหาร ลดของเสีย เพิ่มกำไรให้ธุรกิจ

วิธีคํานวณต้นทุนอาหาร ลดของเสีย เพิ่มกำไรให้ธุรกิจ

ทักษะทางการเงิน ความรู้ที่มากกว่าการเรียนธุรกิจสำหรับคนรุ่นใหม่

ทักษะทางการเงิน ความรู้ที่มากกว่าการเรียนธุรกิจสำหรับคนรุ่นใหม่

ตำแหน่ง Concierge คืออะไร ? เจาะลึกหน้าที่ ทักษะ และเส้นทางอาชีพของผู้ช่วยคนสำคัญของธุรกิจ

ตำแหน่ง Concierge คืออะไร ? เจาะลึกหน้าที่ ทักษะ และเส้นทางอาชีพของผู้ช่วยคนสำคัญของธุรกิจ

ขั้นตอนและวิธีการระดมเงินลงทุนธุรกิจ Startup ที่ควรรู้

ขั้นตอนและวิธีการระดมเงินลงทุนธุรกิจ Startup ที่ควรรู้

Chat With Us

Chat

with us

Contact

us

Attend our

seminar